1 เดือนกับ Vivo X50 Pro 5G กล้องหน้าถ่ายสวย กล้องหลังส่องถึงดวงจันทร์
เห็นชื่อสมาร์ทโฟนที่แอดมินเว็บตามใจนำมารีวิวในครั้งนี้ ผู้อ่านหลายท่านคงเคยได้เห็นได้สัมผัสกับรุ่นนี้กันบ้างแล้วสำหรับ Vivo X50 Pro 5G ซึ่งก็นานแล้วเหมือนกันที่ผมไม่ได้นำสมาร์ทโฟนมารีวิว รอบนี้เป็นจังหวะดีครับ เพราะ 1 เดือนที่ผ่านมา ผมได้ทดลองใช้สมาร์ทโฟนจาก Vivo เครื่องนี้ เลยถือโอกาสนี้นำเรื่องราวและประสบการณ์มาบอกต่อให้กับผู้อ่านทุกๆ ท่านได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการตัดสินใจในการซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ไม่ว่าจะซื้อให้ตัวเองหรือให้กับคนรอบข้าง เป็นเกร็ดความรู้ที่กลับมาอ่านซ้ำได้ทุกเวลาครับ
เริ่มต้นด้วยหน้าจอเป็นชนิด AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียดการแสดงผล Full HD+ พร้อมรีเฟรชเรต 90Hz เป็นเทคโนโลยีตัวช่วยที่ให้เราสัมผัสได้ถึงความลื่นและตอบสนองได้รวดเร็วทุกครั้งที่ปาดนิ้วใช้งานไปมาบนหน้าจอ
มุมบนซ้ายมือของหน้าจอเป็นกล้องหน้าในดีไซน์ปกติของยุคสมัยนี้ นั่นก็คือฝังไปกับหน้าจอเลย มีขนาดเล็ก ไม่รู้สึกเกะกะสายตา ส่วนอีกจุดที่แนะนำ คือ สแกนลายนิ้วมือที่ถูกฝังอยู่ใต้หน้าจอ ตัวช่วยปลดล็อคหน้าจอที่มีทำงานได้รวดเร็ว อาศัยประโยชน์ของขนาดหน้าจอที่ใหญ่และกว้างได้อย่างลงตัว
ขอบจอซ้ายและขวาโค้งลงมาเล็กน้อย แต่ไม่ต้องกังวลไปครับเพราะจากที่ผมใช้งานจริงไม่เจอลักษณะของการ ‘ลั่น’ ขณะใช้งานแอพใดแอพหนึ่งอยู่ ที่สำคัญความโค้งของจอยังทำให้เราหยิบขึ้นมาใช้งานได้ง่ายขึ้นเวลาเราวางไว้กับโต๊ะ นอกจากนี้ Vivo ยังแฝงลูกเล่นเล็กๆ ไว้ที่จอโค้ง เป็น Ambient Light Effect แสงไฟวิ่งเมื่อมีคนโทรเข้ามา ซึ่งการใช้จริงก็รู้สึกมีประโยชน์เหมือนกันเวลาวางเครื่องคว่ำหน้าจอเมื่อมีคนโทรเข้ามาก็จะรู้ได้จากแสงที่ปรากฎขึ้นมา
ฝาหลังเป็นสีเทา (Alpha Grey) มีการไล่เฉดสีเล็กน้อย มีความอมฟ้าตอนกระทบกับแสง แอบลื่นนิดๆ เวลาถือ ซึ่งใส่เคสใสก็ช่วยเพิ่มความมั่นคงเวลาถือได้มากขึ้น และรอยนิ้วมือเกาะติดฝาหลังได้ แต่ก็เพียงเล็กน้อย ก็ทำความสะอาดง่าย
ส่วนประกอบอื่นๆ รอบตัวเครื่อง มีลำโพงอยู่ขอบท้ายเครื่อง, พอร์ต USB-C, ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และเป็นถาดซิม รองรับ Nano SIM แบบ 2 ซิมการ์ด
กล้อง ! จุดเด่นที่ปฎิเสธไม่ได้จริงๆ เป็นไปตามหัวข้อที่ผมเขียนเลยครับ สมาร์ทโฟนเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่น Gimbal ในกล้องหลัก สามารถป้องกันการสั่นไหวขณะเคลื่อนไหวหรือมือไม่นิ่งได้ดีกว่าระบบ OIS ที่เราได้ยินกันบ่อย ซึ่งตัวเลนส์ของกล้องหลักจะขยับตามการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะหันกล้องไปทางซ้าย หันขวา ขยับขึ้นบนหรือลงล่าง
กล้องหลังยังมีอีก 3 ตัวที่เลือกใช้ได้สนุกๆ ตามแต่สถานการณ์ที่เราอยากจะถ่ายครับ แบ่งเป็นเลนส์ Portrait 13 ล้านพิกเซล ไว้ถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ, เลนส์ Periscope telephoto 8 ล้านพิกเซล ซูมไกลสุด 60 เท่า และสุดท้ายเลนส์ Ultra wide 8 ล้านพิกเซล อยากถ่ายทะเล เก็บวิวธรรมชาติแบบมุมกว้างก็ทำได้แบบชิลล์ๆ
โหมดถ่ายภาพที่ผมใช้บ่อยที่สุดก็คือ Ultra wide ครับ เพราะไม่ว่าจะถ่ายวิวสถานที่ท่องเที่ยวหรือวิวเมืองการใช้เลนส์มุมกว้างพิเศษทำให้ได้ภาพที่มีมุมมองที่กว้างขึ้น สามารถใช้ร่วมกับ Night Mode ได้ด้วย แต่ก็มีจุดติติงเล็กน้อยสำหรับการถ่าย Ultra wide พร้อมกับ Night Mode ความคมชัดของภาพจะลดลงกว่าการใช้กล้องหลัก
ถ่ายด้วยโหมด Ultra wide
Ultra wide + Night Mode
การใช้ Night Mode ร่วมกับเลนส์ถ่ายภาพกลางคืนตามสถานที่ต่างๆ เห็นได้ชัดว่าไม่ทำให้แสงจากหลอดไฟดูฟุ้ง ช่วยเพิ่มความสว่างในจุดที่มืดให้สว่างขึ้นแบบไม่โอเวอร์จนเกินไป และการที่ตัวสมาร์ทโฟนมีเทคโนโลยี Gimbal ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีกระดับว่าการถ่ายกลางคืนช่วยลดภาพสั่นไหวในแบบที่ไม่ต้องง้อขาตั้งกล้องอีกแล้ว
มองเห็นดวงจันทร์ด้วยการซูม 60 เท่า จัดว่าเป็นอีกหนึ่งจุดขายของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ซึ่งระบบ AI และ Gimbal จะช่วยปรับภาพให้ชัดที่สุดและลดการสั่นไหวขณะซูมแบบไม่ต้องง้อขาตั้งกล้อง โดยภาพดวงจันทร์ที่ผมถ่ายได้ด้วยมือเปล่าก็มีดังภาพด้านล่างนี้เลยครับ
ใช้กล้องหลังถ่ายรูปคนเพียงแค่โหมดปกติก็ได้ลักษณะของภาพที่เป็นธรรมชาติและคมชัดครับ แต่หากอยากได้ภาพลักษณะหน้าชัดหลังเบลอเลือกใช้โหมด Portrait ได้ครับ จะช่วยปรับใบหน้าให้ขาวนวล หรือหากรู้สึกว่าขาวเกินไปก็สามารถปรับระดับได้ตามความชอบครับ
เทคโนโลยี Gimbal กับการถ่ายวิดีโอ ถือเป็นบททดสอบที่ท้าทายที่จะทำให้รู้ว่าวิดีโอที่ออกมาจะราบรื่นเนียนตาขนาดไหน ซึ่งจากที่ผมเดินไปด้วยถ่ายวิดีโอไปด้วย เทคโนโลยี Gimbal ช่วยลดการสั่นไหวของวิดีโอได้ดีขึ้นกว่าการพึ่งพาระบบกันสั่น OIS หรือ EIS เพียงอย่างเดียว แต่ส่วนตัวก็รู้สึกว่าก็ยังไม่เนียนกริ๊บเท่ากับการใช้อุปกรณ์กันสั่น Gimbal Stabilizers
อย่างไรก็ตามการฟังก์ชันของการถ่ายวิดีโอยังมาพร้อมระบบกันสั่น Ultra Stable ซึ่งจะใช้ได้ที่ความละเอียด 1080p ตัวช่วยลดการสั่นไหวในทุกสถานการณ์ที่ถ่ายวิดีโอ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชัน Movie Camera ตัวล็อกโฟกัสเพื่อจับวัตถุหรือบุคคลที่เราต้องการโดยเฉพาะ แม้ขณะที่เราจะเคลื่อนไหวระบบก็จะล็อกโฟกัสนั้นตามไปด้วย
ทดสอบถ่ายวิดีโอ
กล้องหน้าจัดว่าให้คุณภาพที่ดีและเป็นชื่นชอบสำหรับสาวๆ แน่นอนครับ ช่วยปรับแสงและความเนียของสีผิวให้เนียนสวยถูกใจ เซลฟี่เดี่ยวๆ, แบบคู่ และเป็นกลุ่มก็เก็บรายละเอียดได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีระบบตรวจจับใบหน้าเพิ่มความแม่นยำให้การเซลฟี่ได้เป๊ะ จบ ครบแค่กดชัตเตอร์เพียงครั้งเดียว
แบตเตอรี่ความจุ 4315 mAh ขนาดกลาง ไม่ใหญ่มาก ประสานการทำงานร่วมกับชิปเซ็ตและซอฟต์แวร์ช่วยจัดสรรการใช้พลังงานไม่ว่าจะเปิดแอพใดก็ตามหรือทำงานหนักขนาดไหนก็ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
สเปกที่ติดตัวเครื่องมาอาจไม่ได้เทพที่สุด เพราะไม่ได้ใช้ชิปเซ็ตระดับท็อปอย่าง Snapdragon 865 แต่ Snapdragon 765G ที่ใช้ก็ถือว่าทันสมัย สามารถบริหารจัดการการใช้งานแต่ละแอพได้อย่างมีประสิทธิภาพ เปิดแอพค้างไว้หลายๆ ตัวก็ไม่ได้ลดความเร็วในการประมวลผลลงแต่อย่างใด อีกทั้งยังสนับสนุนการประมวลผลภาพทั้งภาพนิ่งและการบันทึกวิดีโอในความละเอียดสูงได้ในเวลาอันรวดเร็ว รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายต่างๆ ทัดเทียมกับชิปตัวท็อป อาทิ รองรับ Quick Charge และ 5G ซึ่งรองรับการใช้งานในประเทศไทยได้ในทันทีตั้งแต่แกะกล่องด้วย แต่แอบเสียดายเล็กน้อยที่ยังใช้ Wi-Fi 5 ไม่ใช่ Wi-Fi 6
สรุป
Vivo X50 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่นำเสนอกล้องถ่ายภาพที่ให้สีสันที่แม่นยำเป็นธรรมชาติ การใส่เทคโนโลยี Gimbal มาด้วย เปรียบเสมือนเครื่องช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับการถ่ายภาพที่แม้มือไม่นิ่งหรืออยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องถ่ายภาพที่กำลังเคลื่อนไหว Gimbal จะช่วยลดอาการสั่นไหวเพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนที่สุด
สำหรับการถ่ายวิดีโอแนะนำว่าเลือกใช้ความละเอียด 1080p ซึ่งจะสามารถใช้ร่วมกับระบบกันสั่น Ultra Stable ได้ เพื่อให้วิดีโอที่ออกมาให้ความรู้สึกเนียนตามากที่สุด
สำหรับราคาปัจจุบันอยู่ที่ 24,999 บาท (แรม 8GB + หน่วยความจำภายในเครื่อง 256GB อ้างอิงราคาจาก Lazada เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63)
