คนละครึ่งพลัส 2568 : ลงทะเบียน วิธีใช้ สิทธิ 2,400 บาท

คนละครึ่งพลัส 2568

ลงทะเบียนคนละครึ่งพลัส 2568 รับสิทธิ 2,000-2,400 บาท ผ่านเป๋าตัง เริ่ม 20 ต.ค. โดยผู้อ่านที่กำลังติดตามทางเว็บไซต์ tarmjai.com วันนี้แอดมินมาสรุปขั้นตอน วิธีใช้ เงื่อนไขแบบจัดเต็มกันครับ

โครงการ “คนละครึ่งพลัส” เป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลไทยที่ต่อยอดจากโครงการ “คนละครึ่ง” เดิม ซึ่งเคยได้รับความนิยมสูง โดยมุ่งช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชนและกระตุ้นการใช้จ่ายในช่วงปลายปี 2568 โครงการนี้ไม่ใช่แค่แจกเงิน แต่เป็นเครื่องมือกระตุ้นการหมุนเวียนเงินในระบบ โดยรัฐช่วยออกเงินครึ่งหนึ่งในการใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยให้เงินไหลไปยังร้านค้าขนาดเล็กและ SMEs มากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากแข็งแรง และช่วยบรรเทาภาระประชาชนท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น


คุณสมบัติผู้เข้าร่วมและสิทธิประโยชน์


โครงการขยายสิทธิให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเปิดให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปเข้าร่วม ไม่จำกัดเฉพาะผู้มีรายได้น้อย

คุณสมบัติหลัก :

  • เป็นผู้มีสัญชาติไทย
  • อายุ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ณ วันที่ลงทะเบียน)
  • ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ณ วันที่ 1 ต.ค. 2568)
  • ไม่เคยถูกระงับสิทธิหรือเรียกคืนเงินจากโครงการคนละครึ่งเฟส 1-5

สิทธิที่ได้รับ

  • ผู้ยื่นแบบภาษี : รับวงเงิน 2,400 บาท/คน (ตลอดโครงการ)
  • ผู้ไม่ยื่นแบบภาษี (คนทั่วไป) : รับวงเงิน 2,000 บาท/คน (ตลอดโครงการ)
  • ใช้จ่ายไม่เกิน 200 บาท/คน/วัน

เรื่องที่ควรรู้ : การแบ่งสิทธิตามสถานะภาษี (ยื่น vs. ไม่ยื่น) เป็นกลไกจูงใจให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น ซึ่งช่วยรัฐเก็บภาษีได้ดีกว่าในระยะยาว สำหรับวัยรุ่นอายุ 16 ปีขึ้นไป นี่คือโอกาสเรียนรู้การเงินดิจิทัลตั้งแต่เยาว์วัย ช่วยสร้างทักษะการใช้แอปและวางแผนการเงิน เน้นเพิ่มทักษะใหม่ เช่น การเงินดิจิทัล การขายเก่ง และลดต้นทุนด้วยเทคโนโลยี

การเตรียมความพร้อม

  • ลงทะเบียนผ่านแอปฯ เป๋าตังเท่านั้น ระหว่างวันที่ 20-26 ต.ค. 2568
  • เตรียมความพร้อมก่อนลงทะเบียน (เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป)
  • ติดตั้งแอปฯ เป๋าตัง ( iPhone ที่ใช้ iOS เวอร์ชัน 15 ขึ้นไป, สมาร์ทโฟน Android เวอร์ชัน 10 ขึ้นไป)
  • สมัครและยืนยันตัวตน G-Wallet (ถ้ายังไม่ได้ทำ)


ขั้นตอนลงทะเบียน :

  1. เข้าแอปฯ เป๋าตัง
  2. กดแบนเนอร์ “เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส”
  3. กดยืนยันการลงทะเบียน
  • หากเคยเข้าร่วมคนละครึ่งเฟส 5 : ได้สิทธิทันที
  • หากไม่เคย: ระบบตรวจสอบข้อมูลภายใน 3 วัน แจ้งผลทางแอปฯ หรือ SMS


การใช้สิทธิและเงื่อนไข :

เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 29 ต.ค. – 31 ธ.ค. 2568 เวลา 06.00-23.00 น. ทุกวัน ผ่าน G-Wallet ในแอปฯ เป๋าตัง


เงื่อนไขสำคัญ :

  • ต้องใช้สิทธิครั้งแรกภายใน 11 พ.ย. 2568 ก่อน 23.00 น. มิเช่นนั้นสิทธิจะถูกยกเลิก
  • ใช้จ่ายที่ร้านค้าที่ร่วมโครงการ (รวมฟู้ดเดลิเวอรี่ เริ่ม 7 พ.ย. 2568 เวลา 06.00-21.00 น.)
  • สำหรับฟู้ดเดลิเวอรี่: กดแบนเนอร์รูปฟู้ดเดลิเวอรี่ในแอปฯ เป๋าตัง แล้วเลือกแพลตฟอร์มที่ต้องการ


 สำหรับร้านค้าและผู้ประกอบการ :

  • โครงการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยและ Micro SMEs เข้าร่วมมากขึ้น
  • ร้านค้าเดิม ที่เคยลงทะเบียนจากคนละครึ่งเฟส 5
  •  ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ หากผ่านเกณฑ์เดิม (เช่น ร้านถุงเงิน, ร้านธงฟ้า, ร้านแผงลอยกรุงเทพฯ)
  •  เข้าแอปฯ ถุงเงิน กดเมนู “คนละครึ่งพลัส” แล้วยอมรับเงื่อนไข เริ่มรับเงินได้ 29 ต.ค. 2568

ร้านค้าใหม่ (ลงทะเบียน 15 ต.ค. – 19 ธ.ค. 2568) :

  • ประเภทบุคคลธรรมดา: ร้านอาหาร, สินค้าทั่วไป, วิสาหกิจชุมชน, ขนส่งสาธารณะ, ร้านทำผม/เล็บ ฯลฯ ต้องยืนยันกิจการจริงจากกระทรวงมหาดไทย แล้วยื่นเอกสารที่ธนาคารกรุงไทยหรือจุดบูธ
  • ประเภทนิติบุคคล/ธุรกิจเฉพาะ: เช่น ร้านนวด/สปา, ขนส่ง (ต้องมีใบอนุญาต), ร้านนิติบุคคลรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี, กองทุนหมู่บ้าน ฯลฯ ยื่นเอกสารที่ธนาคารกรุงไทย
  • ขั้นตอน: สมัครถุงเงินก่อนที่ www.ถุงเงินกรุงไทย.com แล้วดาวน์โหลดแบบฟอร์มจาก www.คนละครึ่งพลัส.com ยื่นพร้อมบัตรประชาชนและรูปถ่ายร้าน

สำหรับฟู้ดเดลิเวอรี่ :

ร้านอาหาร/เครื่องดื่มกดสมัครในแอปฯ ถุงเงิน แล้วผูกแพลตฟอร์มตั้งแต่ 3 พ.ย. – 19 ธ.ค. 2568 และสามารถเริ่มรับออร์เดอร์เดลิเวอรีผ่านโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 68 (ปิดรับออร์เดอร์สุดท้าย 21:00 น. ของวันที่ 31 ธ.ค. 68)

วิธีใช้ : ผู้ใช้กดแบนเนอร์ฟู้ดเดลิเวอรี่ในแอปเป๋าตัง เลือกแพลตฟอร์ม (เช่น Grab, LineMan) รัฐสมทบ 50% (สูงสุด 200 บาท/วัน) เฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมค่าส่ง

สรุปข้อดี 5 ข้อ 

1. ลดภาระค่าครองชีพ: ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปรับวงเงิน 2,000-2,400 บาท (ผู้ยื่นภาษีได้มากกว่า) ใช้จ่ายผ่านแอปเป๋าตัง (29 ต.ค.-31 ธ.ค. 2568) ซึ่งการสมทบ 50% (สูงสุด 200 บาท/วัน) ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายจำเป็น เช่น อาหารและสินค้าอุปโภค ในช่วงที่ราคาน้ำมันและอาหารยังผันผวน สร้างความรู้สึกประหยัดได้จริง โดยเฉพาะครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลาง

2. ครอบคลุมทุกกลุ่มวัย: ขยายสิทธิให้คนอายุ 16 ปีขึ้นไป (จากเดิม 18 ปี) ไม่จำกัดเฉพาะผู้มีรายได้น้อย (ยกเว้นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) ซึ่งการรวมวัยรุ่นตั้งแต่ ม.ปลาย ช่วยกระตุ้นให้เยาวชนเรียนรู้การเงินดิจิทัลตั้งแต่เนิ่นๆ สร้างนิสัยการใช้จ่ายอย่างมีวินัย และลดช่องว่างการเข้าถึงเทคโนโลยีระหว่างวัย

3. สะดวกด้วยฟู้ดเดลิเวอรี่: ใช้สิทธิสั่งอาหารออนไลน์ได้ (7 พ.ย.-31 ธ.ค. 2568, 06:00-21:00 น.) ผ่านแพลตฟอร์ม เช่น Grab, LineMan ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและวัยทำงานที่นิยมสั่งอาหารออนไลน์ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปลายปีที่การเดินทางอาจไม่สะดวก ช่วยเพิ่มตัวเลือกและความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย

4. ส่งเสริมทักษะดิจิทัล: ใช้แอปเป๋าตังในการลงทะเบียนและจ่ายเงิน กระตุ้นการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทัล ผลักดันให้คนทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงวัยหรือคนในพื้นที่ห่างไกล คุ้นเคยกับการเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในยุคที่ธุรกรรมออนไลน์กำลังเติบโต ลดช่องว่างดิจิทัลระหว่างเมืองและชนบท

5. กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก: สนับสนุนร้านค้ารายย่อยและ SMEs รวมถึงร้านอาหารและแผงลอย ผ่านการใช้จ่ายในระบบ

เพราะการที่เงินไหลสู่ร้านค้าขนาดเล็กช่วยให้ประชาชนในชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นทางอ้อม สร้างวงจรเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวในไตรมาส 4



CK

CK - นามแฝงจากเรื่องใกล้ตัว คอยแบ่งปันเรื่องไอทีผ่านตัวหนังสือที่จะทำให้คนอ่านเข้าใจง่าย ทั้งข่าว, รีวิวมือถือ หรือจะเป็น How to ก็อยากแชร์ให้ทุกคนได้สัมผัสว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ ... ขอให้มีความสุขกับทุกบทความบนเว็บไซต์ 'ตามใจด็อทคอม' - www.tarmjai.com ครับ ^^

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *