5 คีย์บอร์ดเกมมิ่งตัวเด็ด ฟีเจอร์ขั้นเทพเพียบ ในราคาเริ่มต้น 3,xxx บาท

ที่มา https://unsplash.com/photos/7UjAZ1LVu2o

ในบรรดาเกมมิ่งเกียร์ทั้งหมดนั้น คีย์บอร์ดเกมมิ่ง ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญในการเล่นเกมไม่แพ้เมาส์และหูฟังเกมมิ่งเลยแม้แต่น้อย เพราะคีย์บอร์ดนั้นถือว่าเป็นอุปกรณ์หลักในการควบคุมการเล่นเกมของเรา จากการกดปุ่มต่างๆบนคีย์บอร์ด เพื่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์ของเรา ว่าเรากำลังกดปุ่มอะไรในเกมอยู่ ซึ่งเกมมิ่งคีย์บอร์ดนั้นจะสามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปที่เราใช้งานกัน ทำให้เราสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์การแข่งขันตรงหน้าได้ในทันที และนอกจากการตอบสนองที่รวดเร็วแล้ว คีย์บอร์ดเกมมิ่งยังมาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานอื่นๆ ที่ตอบโจทย์การเล่นเกมโดยเฉพาะ ปุ่มกดเสริมสำหรับการใช้งานมาโคร หรือปุ่มมัลติมีเดียต่างๆ พร้อมกับวัสดุการประกอบที่มีทั้งความทนทาน พรีเมียมกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป เพื่อรองรับกับการใช้งานที่ดุเดือด พร้อมลุยได้ในทุกเกมสำคัญ แต่ปัจจุบันนั้น คีย์บอร์ดเกมมิ่งเองก็มีตัวเลือกให้ลองใช้อย่างหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น จนหลายๆ คนเลือกกันไม่ถูกว่าคีย์บอร์ดรุ่นไหนถึงจะถูกใจเรา เพราะฉะนั้นวันนี้ เราจะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 5 คีย์บอร์ดเกมมิ่งตัวเด็ด ฟีเจอร์ขั้นเทพเพียบ ในราคาเริ่มต้น 3,000 บาทเท่านั้นเอง แต่จะมีคีย์บอร์ดรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง และแต่ละรุ่นนั้นจะเจ๋งขนาดไหน มาดูไปพร้อมๆ กันเลย

ที่มา https://www.youtube.com/watch?v=v1au_xxIiPg&t=194s

คีย์บอร์ด HyperX Alloy Origin
ราคาประมาณ 3,290 บาท

สำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งตัวแรกของเรานั้น ก็มาเริ่มกันที่คีย์บอร์ด HyperX Alloy Origin รุ่นนี้เลย โดยคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origin นั้นจะเป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบเมคคานิคอลขนาด Full-Size ที่มาพร้อมกับจุดเด่นสำคัญเลยก็คือความทนทาน แข็งแรง ที่เรียกได้ว่าคุ้มค่าราคาที่จ่ายสุดๆ เพราะว่าวัสดุหลักของคีย์บอร์ดรุ่นนี้จะใช้เป็นอลูนิมีเนียมเกรด Aircraft ชั้นเยี่ยมและให้ทั้งความแข็งแรงและความพรีเมียมในตัว พร้อมรับกับทุกศึกหนักที่จะเข้ามาได้อย่างสบายๆ ส่วนสวิตซ์คีย์บอร์ดที่ใช้นั้นก็จะเป็น HyperX Switch สวิตซ์ที่ทางแบรนด์นั้นออกแบบขึ้นมาเอง เพื่อให้รับกับการเล่นนเกมและการใช้งานอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่ แถมยังทนรับกับการกดได้มากถึง 80 ครั้งเลยทีเดียว ส่วนเรื่องการเล่นเกมเองก็หายห่วง เพราะคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origin รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ N-Key Rollover และ Anti-Ghosting 100% รองรับการกดปุ่มพร้อมกันได้ไม่มีหลอน พร้อมรัวปุ่มในทุกจังหวะการเล่นของได้ไม่มีพลาด แถมยังไฟ RGB 16.8 ล้านสีลอดใต้คีย์แคปอันสวยงาม และการตั้งค่าไฟ และโปรโฟล์การตั้งค่าต่างๆ ผ่านทางโปรแกรม HyperX NGENUITY ได้อีกด้วย สำหรับใครที่ชื่นชอบคีย์บอร์ดสายทน ในราคาสุดคุ้มละก็ ต้อง HyperX Alloy Origin รุ่นนี้เลย

https://www.mercular.com/logitech-g913-tkl-lightspeed-wireless-keyboard?sku=1532134000001

คีย์บอร์ด Logitech G913 TKL LIGHTSPEED
ราคาประมาณ 6,990 บาท

ส่วนใครที่สนใจคีย์บอร์ดเกมมิ่งแบบไร้สาย เล่นเกมได้ไม่สะดุดละก็ ขอแนะนำเจ้าคีย์บอร์ด Logitech G913 TKL LIGHTSPEED โดยคีย์บอร์ดรุ่นนี้จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายแบบ LIGHTSPEED ที่เป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายเฉพาะของทาง Logitech เอง พร้อมกับความหน่วงที่ต่ำเพียง 1ms เพื่อการใช้งานที่รวดเร็วและเสถียรมากขึ้น และยังรองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Bluetooth มาให้ใช้งานด้วยเช่นกัน แถมตัวแบตเตอรี่ยังสามารถใช้งานได้นานถึง 40 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนขนาดเลย์เอาท์ของคีย์บอร์ด Logitech G913 TKL LIGHTSPEED ยังมาในขนาด Tenkeyless ที่กะรัดทัด ควบคู่ไปกับดีไซน์ที่บางเฉียบเพียง 22 มิลลิเมตรเท่านั้น กับสวิตซ์ทรงต่ำ Low Profile อย่าง GL Switch ที่ให้สัมผัสและการตอบสนองที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้สวิตซ์รุ่นอื่นๆ ในตลาดเลย ส่วนใครที่เป็นสาย RGB ก็ห้ามพลาด เพราะคีย์บอร์ด Logitech G913 TKL LIGHTSPEED รุ่นนี้มาพร้อมกับไฟ RGB 16.8 ล้านสีที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ LIGHTSYNC RGB ที่จะทำให้คุณสามารถปรับแต่งแสงสี การแสดงผล อนิเมชั่นต่างๆ รวมถึงการซิงค์ไฟ RGB ให้เข้ากับเกมที่เรากำลังเล่นและอุปกรณ์อื่นๆ ได้สบายๆ แถมบนตัวคีย์บอร์ดเองก็ยังปุ่ม Media Control สำหรับการใช้งานด้านความบันเทิง และปุ่ม Scroll ลูกเลื่อนสำหรับการปรับเสียงคอมพิวเตอร์ได้ง่ายๆ ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายจริงๆ

ที่มา https://www.mercular.com/razer-blackwidow-v3-mini-hyperspeed-wireless-mechanical-keyboard

คีย์บอร์ด Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed
ราคาประมาณ 7,090 บาท

แต่ถ้าใครชอบคีย์บอร์ดไซส์ ขนาดกะทัดรัด ตอบโจทย์ความคล่องตัวและพกพาง่ายละก็ ค้องคีย์บอร์ด Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed รุ่นนี้เลย โดยสำหรับคีย์บอร์ดเกมมิ่งจากค่ายงูเขียวรุ่นนี้มาพร้อมกับขนาดเลย์เอาท์ 65% ที่ตัดส่วนของปุ่ม F1-12 และปุ่ม Numpad ออก แต่ก็ยังมีปุ่ม Arrow ต่างมาให้ใช้สำหรับการเล่นเกมอยู่ และ Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed ไม่ได้มีดีที่ขนาดสุด Compact เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Razer Hyperspeed สำหรับการเชื่อมต่อแบบ 2.4 Ghz ที่เสถียร รวดเร็ว ดีเลย์ต่ำ ตอบรับกับการเล่นเกมในทุกจังหวะสำคัญให้ไม่มีพลาด หรือจะเชื่อมต่อผ่านช่องทาง Bluetooth ก็สามารถทำได้เช่นกัน พร้อมกับสวิตซ์แบบเฉพาะของทาง Razer อย่าง Razer green และ Yellow ที่ออกแบบมาเพื่อสัมผัสในการเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมกว่าที่เคย ควบคู่ไปกับไฟ RGB 16.8 ล้านสีที่สามารถตั้งให้ซิงค์ไฟให้เข้ากับเกมที่เล่นได้ผ่านโปรแกรม Razer Synapse ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่เองก็หายห่วงได้เลย เพราะเจ้าคีย์บอร์ด Razer BlackWidow V3 Mini HyperSpeed รุ่นนี้สามารถใช้งานได้นานสุดๆ ถึง 200 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกได้ว่า เล่นกันแบบเพลินๆ ไม่ต้องแบตหมดกลางคันเลย

ที่มา https://www.mercular.com/keychron-q1-knob-hot-swappable-mechanical-keyboard-en-th

คีย์บอร์ด Keychron Q1 Knob
ราคาประมาณ 6,590 บาท

สำหรับคีย์บอร์ดรุ่นนี้จะไม่ใช่คีย์บอร์ดเกมมิ่ง 100% แต่ คีย์บอร์ด Keychron Q1 Knob รุ่นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในคีย์บอร์ด 75% ที่หลายๆ คนต่างชื่นชอบกันสุดๆ เพราะคีย์บอร์ดรุ่นนี้ของ Keychron นั้นถูกออกแบบมาสำหรับการจับดัดแปลงแบบ Custom Keyboard โดยเฉพาะ โดย คีย์บอร์ด Keychron Q1 Knob จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ Hot Swappable ที่ทำให้เราสามารถถอดเปลี่ยนตัวสวิตซ์คีย์บอร์ดได้เองโดยที่ไม่ต้องผ่านการบัดกรีเชื่อมอะไรให้เสียเวลา และดีไซน์คีย์บอร์ดที่เป็นแบบ Double-Gasket ร่วมกับแผ่นโฟมซับเสียงภายในที่จะช่วยให้เสียงพิมพ์ของเรานั้นดียิ่งขึ้นกว่าคีย์บอร์ด Mechanical ทั่วไป แถมตัวเคสภายนอกยังเป็นอลูมีเนียมที่ให้ทั้งความทนทาน และความพรีเมียมที่น่าใช้งานสุดๆ พร้อมกับรองรับการใช้งานร่วมกับโปรแกรม QMK & VIA ในการเซ็ตค่า ตั้งปุ่มต่างๆ ให้เหมาะกับการใช้งานของเรา และที่สำคัญคือปุ่ม Knob มือหมุนที่ให้มาตรงมุมขวามือ ซึ่งเราสามารถปรับการใช้งานมาโครต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับ Volume, Zoom in-out และอื่นๆ ที่เข้ามาเสริมลูกเล่นสุดแสนสนุกให้กับคีย์บอร์ด Keychron Q1 Knob รุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี

ที่มา https://www.mercular.com/steelseries-apex-7-tkl-rgb-mechanical-keyboard

คีย์บอร์ด Steelseries Apex 7 TKL
ราคาประมาณ 5,290 บาท

และคีย์บอร์ดรุ่นสุดท้ายของเราที่จะหยิบมาแนะนำนั้น ก็คือเจ้าคีย์บอร์ด Steelseries Apex 7 TKL รุ่นนี้ ที่บอกเลยว่าคีย์บอร์ดเกมมิ่งรุ่นนี้ มาพร้อมกับกิมมิคพิเศษที่หลายๆ คนน่าจะไม่เคยเห็นกันแน่ๆ นั่นก็คือหน้าจอ OLED ที่ติดอยู่ที่มุมขวาบนของตัวคีย์บอร์ด โดยที่หน้าจอนี้จะไม่ได้มีไว้แค่บอกสถานะของตัวคีย์บอร์ดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ในการแสดงผลกับโปรแกรมและเกมต่างๆ ที่เรากำลังเล่นอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบอกชื่อเพลงที่เรากำลังเปิดใน Tidal ข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ใน Discord หรือแม้แต่แต้มคะแนนและเงินที่มีในเกม CSGO เป็นต้น ซึ่งนอกจากหน้าจอ OLED สุดเจ๋งอันนี้แล้ว คีย์บอร์ด Steelseries Apex 7 TKL ยังมาพร้อมกับสวิตซ์ Steelseries Switch ที่มีให้เลือก 3 สี 3 สไตล์ตามความชอบ ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และทนทานรับแรงกดได้กว่า 50 ล้านครั้ง พร้อมกับเฟรมอลูมิเนียมครอบด้านบนที่ช่วยเสริมความแข็งแรงทนทานให้กับคีย์บอร์ดของเรา ควบคู่ไปกับความสบายในการใช้งานด้วยที่รองข้อมือแบบแม่เหล็กที่ถอดง่าย ติดง่าย แถมยังนุ่มสบายน่าวางมือสุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ สำนักถึงได้ยกคีย์บอร์ด Steelseries Apex 7 TKL ให้เป็นหนึ่งในคีย์บอร์ดตัวท๊อปในปัจจุบัน

และทั้งหมดนี้เอง ก็เป็นคีย์บอร์ดเกมมิ่งทั้ง 5 รุ่นที่เราหยิบยกมาให้ทุกคนได้ลองดูกัน บอกเลยว่าแต่ละรุ่นนั้น ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันอยู่ไม่น้อยเลย น่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นหน่อย แต่บอกเลยว่า สำหรับใครที่ยังรู้สึกว่าคีย์บอร์ดเกมมิ่งเหล่านี้ยังไม่ถูกใจซักเท่าไหร่ละก็ ลองไปศึกษาดูวิธีเลือกซื้อ Custom Keyboard ดูก็ได้ เพื่อว่าเราอาจจะเจอคีย์บอร์ดที่ถูกใจ และตรงสเปกที่เราต้องการได้จริงๆ แต่ถ้าไม่ได้เจาะจงรายละเอียดอะไรมากละก็ คีย์บอร์ดเกมมิ่งนั้นก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า และตอบโจทย์การเล่นเกมของเราได้อล้ว

CK

CK - นามแฝงจากเรื่องใกล้ตัว คอยแบ่งปันเรื่องไอทีผ่านตัวหนังสือที่จะทำให้คนอ่านเข้าใจง่าย ทั้งข่าว, รีวิวมือถือ หรือจะเป็น How to ก็อยากแชร์ให้ทุกคนได้สัมผัสว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ ... ขอให้มีความสุขกับทุกบทความบนเว็บไซต์ 'ตามใจด็อทคอม' - www.tarmjai.com ครับ ^^

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *